วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

เวลากับประวัติศาสตร์


เวลากับประวัติศาสตร์

ความหมาย ความสำคัญของวิชาประวัติศาตร์

1. ประวัติศาสตร์เป็นวิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับอดีต โดยศึกษาถึงพฤติกรรมของมนุษย์ อันเกียวเนื่องกับเวลา และบริบทซึ่งมีผลต่อมนุษย์ชาติเมื่อเหตุการณ์นั้นเปลี่ยนแปลงไป

2. ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยนั้นไม่มีจริง เพราะถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะคล้ายกับอดีตแต่ บริบท บุคคลก็ไม่เหมือนเดิม

3.  บิดาของประวัติศาสตร์โลกคือ เฮโรโดตัส ชาวกรีก ผู้เขียน Historia นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามกรีกและเปอร์เซีย โดยใช้หลักฐานและมีการวิเคราะห์หลักฐาน จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งประวัติศาสตร์

รูป.1  เฮโรโดตัส

4.บิดาแห่งประวัติศาสตร์สมัยใหม่ คือ ลีโอโปลด์ ฟอน รังเก เขาเขียนหนังสือ History of the romance and Germanic people,1494-1535 กล่าวใจความสำคัญว่า อารยธรรมยุโรป คือการผสมผสานกันระหว่างโรมันและเยอรมัน แต่ที่สำคัญที่สุดในบทผนวกของหนังสือ คือ A critique of Modern Historical Writers ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของวิธีการหรือวิพากษ์วิธีทางประวัติศาสตร์ ซึ่งมีการประยุกต์มาจากวิธีการทางวิทยาศาสตร์ อันเป็นผลมาจากการปฎิวัติวิทยาศาสตร์แล้วทำให้เกิดยุคที่ผู้คนนิยมในเหตุแลพผล หรือเรียกว่า ภูมิธรรม

5. บิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย คือ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ



รูป.2 กรมพระยาดำรงราชานุภาพ

เวลากับประวัติศาสตร์

การเกิดขึ้นของศักราช มี 2 ลักษณะ คือ รัชศักราชและศาสนศักราช

1.   รัชศักราช

  • ใช้จุดเริ่มต้นของเวลาตามการขึ้นครองราชย์ของกษรตนิย์
  • มีการใช้มาก่อนเกิดศาสนศักราช เช่น ศักราชในอินเดียโบราณ อียิปโบราณ จีนโบราณ
  • จะมีความเกี่ยวข้องกับความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ มีการตัดศักราช คือ ยกเลิกศักราชเดิมแล้วประกาศเริ่มต้นศักราชใหม่ในรัชกาลของพระองค์ เช่น พระเจ้าอนุรุทธมหาราช ตั้งจุลศักราชท่ามกลางขุมนุมเจ้าประเทศราช
  • ตัวอย่างรัชศักราช ได้แก่ จุลศักราช มหาศักราช รัตนโกสินทร์ศก
2.  ศาสนศักราช 

  • เกดิดขึ้นเมื่อมีผู้ศรัทธาในลัทธิที่ต้องการรำลึกถึงศาสดาของตนและเหตุการณ์สำคัญของศาสนา เช่น การกำเนิดหรือการสิ้นพระขนม์ของศาสดา หรือการประกาศศาสนา
  • มีความยั่งยืนมากกว่าศักราชที่ก่อกำเนิดจากฝ่ายอาณาจักรเนื่องจากศาสนจักรจะเป็นที่พึ่งพาทางใจของคนทั้วไปและมีผู้สืบทอดศาสนา รวมทั้งมีความเป็นสากลมากกว่ารัชศักราชด้วย
  • ตัวอย่างศาสนศักราช ได้แก่
                           - ศาสนาคริสต์    > ปีที่พระเยชูประสูติกาล
                           - ศาสนาพุทธ     > ปี่ที่พระพุทธเจ้าปรินิพาน
                           - ศาสนาอิสลาม > ปี่ที่นบีมูฮัมหมัด ทำการฮิจเราะห์ หรือ อพยพ
                           - ศาสนาเชน       > ปีที่สิ้นอายุของศาสดาชินะ

การนับศักราชประจุบันประกอบด้วย

1. คริสต์ศักราช

    - เริ่มนับตั้งแต่ปีที่พระเยชูประสูติ มีตัวย่อว่า A.D. (Anno Domini มาจากภาษลาตินแปลว่า ปีแห่งผู้เป็นเจ้า) หรือ ค.ศ. และก่อนพระเยชูประสูติจะใช้ว่า ก่อนคริสต์ศักราช หรือ B.C. ( Before christ ) เริ่มนับ ค.ศ. 1 ใน พ.ศ. 543

2. ฮิจเราะห์ศักราช
    - เป็นศักราชทางศาสนาอิสลาม
    - ยึดปีที่นบีมูฮัมหมัด ทำการฮิจเราะห์ คืออพยพจามกเมืองเมกกะบ้านเกิดไปเมืองเมดินา เพื่อเผยแพร่ศาสนาอิสลาม
    - ฮ.ศ. 1 ตรงกับ พ.ศ. 1165 แต่มีการคลาดเคลื่อนเร็วขึ้น คือเมื่อครบ 32 1/2 ปี จะเพิ่มขึ้น 1 ปีไปเรื่อยๆเนื่องจากยึดเวลาทางจันทรคติอย่างเคร่งครัด โดยไม่มีการเพิ่มเดือนธิกมาสตามแบบไทย
    - ปัจจุบันเมื่อเทียบกับ พ.ศ. ต้องเอา 1122 ไปลบหรือบวก

3. พุทธศักราช
   - เป็นการนับศักราชในทางพุทธศาสนา นิยมใช้ในประเทศไทยปัจจุบัน มีลักษณะการนับที่ไม่เหมือนกัน
       (1). แบบ ไทย ลาว เขมร จะเริ่มนับ พ.ศ. 1 เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพานไปแล้ว 1 ปี
       (2). แบบลังกา พม่า อินเดีย จะเริ่มนับ พ.ศ. 1 ในปีที่พระพุทธเจ้าปรินิพาน
   - ไทยประกาศใช้พระพุทธศักราชอย่างเป็นทางการในวันที่ 21 กุมถาพันธ์ พ.ศ. 2455 สมัย พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
   - จอมพล ป. พิบูลสงครามได้เปลี่ยนวันขึ้นปีไหม่ไทยจากวันที่ 1 เมษายน เป็นวันที่ 1 มกราคมใน พ.ศ. 2483 ทำให้เดือน มกราคม ถึง มีนาคม พ.ศ. 2483 ไม่มี

4. มหาศักราช
    - เป็นศักราชที่ตั้งขึ้นโดยพระเจ้ากนิษกะ กษัตริย์ราชวงศ์กุษาณะแห่งอินเดีย กลุ่มประเทศในเอเชียตัวนตกเฉียงใต้นับมาจากอินเดีย โดยพวกพราหมณ์และพ่อค้า พร้อมกับตำราโหราศาสตร์
    - มีหลักฐานว่าไทยใช้มหาศักราชมาตั้งแต่โบราณก่อนสมัยสุโขทัย จนถึงสมัยอยุธยาตอนกลางพบมากในจารึกพงศาวดาร

5. จุลศักราช
   - ตั้งขึ้นโดย โปปะสอระหัน กษัตริย์พม่า เริ่มใช้ตั้งแต่ พ.ศ. 1182 ใชำคำนวนทางโหราศาสตร์ บอกเวลาในจารึกพงศาวดาร

6. รัตนโกสินทร์ศก
   - เริ่มนับปีที่รัชกาลที่ 1 สถาปนากรุงเทพมหานคร ขึ้นเป็นราชธานีไหม่ของอาณาจักรไทยเป็น ร.ศ. 1
   - เริ่มใช้ในสมัยรัชกาลที่ 5 ยกเลิกใช้ในสมัย รัชกาลที่ 6 และเป็นระบบศักราชเดียวที่คิดโดยคนไทย

ทศวรรษ

         เป็นคำที่แปลมาจากภาษาอังกฤษ คือ Decade หมายถึงระยะเวลา 10 ปี โดยปกติมักจะใช้สัญลักษณ์ตัวอักษร s หลังปีศักราช เช่น 1980s อ่านว่า '' ทศวรรษ 1980 '' และนับตั้งแต่ปี 1980-1989 ซึ่งทั้งนี้ถือตามคำนิยามและคำอธิบายในพจนานุกรมฉบับมาตรฐานของ Random House Webster's Unabridged Dictionary ซึ่งหมายความว่าให้นับปีที่ขึ้นต้นด้วยเลข 0 เป็นปีแรกของทศวรรษ และนับไปสิ้นสุดที่ 9 ซึ่งใช้เกณฑ์ในการนับต่างจากศตวรรษ และ สหัสวรรษ

ศตวรรษ ( century )

      คือ รอบ 100 ปี เช่น คริสต์ศตวรรษที่ 19 คือ ค.ศ. 1801-1900

สหัสวรรษ ( Millennium )

      คือ รอบ 1000 ปี เช่น สหัสวรรษที่ 3 คือ ค.ศ. 2001-3000

ตารางเปรียบเทียบศักราช

          ม.ศ. +621 = พ.ศ.                                                ม.ศ. +78 = ค.ศ.   
          จ.ศ. +1181 = พ.ศ.                                              จ.ศ. +638 = ค.ศ.
          ร.ศ.  +2324 = พ.ศ.                                              ร.ศ.  +1781 =  ค.ศ. 
          ค.ศ. +543 = พ.ศ.                                                ค.ศ. -543 =  ค.ศ. 
          ฮ.ศ. +1122 = พ.ศ.                                              ฮ.ศ. +621 = ค.ศ.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น